บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการ เปิดตัว จากัวร์ เอฟ-ไทป์ ใหม่ (New Jaguar F-Type) กับรุ่นพิเศษ F-TYPE 400 SPORT เปิดตัวกับความแรงที่โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ V6 ซุปเปอร์ชาร์จ ที่ถูกปรับขึ้นจาก 380 แรงม้า สู่ 400 แรงม้า และการออกแบบสไตล์ รถสปอร์ต เน้นให้เด่นชัดด้วยความดุดันเฉดสีเทาเข้มของชิ้นส่วนที่แยกออกมาจากกันชนหน้า (Splitter) กาบบันไดข้างและหลัง แถบป้ายตัวเลขสีเหลืองอันโดดเด่นแสดงตัวตนของ 400 SPORT ตัดกันกับสีเทาซาตินของตัวรถจะถูกติดตั้งอยู่ทั้งด้านหน้าและหลังรวมทั้งใต้ฝากระโปรงรถ ทั้งนี้ลูกค้าสามารถเลือกสีภายนอกตัวรถได้ดังนี้ สีเงิน (Indus Silver) สีดำ (Santorini Black) และขาว (Yulong White)
นอกเหนือจากขุมพลังที่เพิ่มขึ้นแล้ว F-TYPE 400 SPORT ยังเพิ่มสมรรถนะของระบบเบรก ด้วยดิสก์เบรกหน้า 380 มม.และดิสก์เบรกหลัง 376 มม. คาลิปเปอร์เบรกสีดำพร้อมโลโก้ 400 SPORT ล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว เคลือบทับด้วยสีเทาซาติน และการขับเคลื่อนแบบปรับตั้งค่าได้ ที่ผู้ขับขี่สามารถกำหนดค่าได้ทั้งระบบเกียร์ พวงมาลัยและแดมเปอร์ การออกแบบภายในห้องโดยสารเป็นอีกส่วนที่ทีมวิศวกรออกแบบให้ความสำคัญในรายละเอียดด้วยการใช้เส้นสาย สีเหลืองเป็นองค์ประกอบเย็บตัดขอบหนังภายใน เบาะที่นั่งถูกออกแบบให้เพรียวบางสามารถปรับได้ถึง 12 รูปแบบ โลโก้ 400 SPORT อยู่บนที่พักศีรษะของเบาะที่นั่งและด้านล่างของก้านพวงมาลัย แผงคอนโซลกลางสีดำตัดกรอบอลูมิเนียมกลมกลืนไปกับการออกแบบที่โดดเด่นดึงดูดสายตาของแป้นเปลี่ยนเกียร์เคลือบผิวด้วยอะลูมิเนียม
นายชาญชัย มหันตคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับ F-TYPE โฉมใหม่ล่าสุด ปี 2018 มุ่งมั่นที่ออกแบบให้ทุกๆรายละเอียดมีความชัดเจนยิ่งขึ้นทั้งโครงสร้างภายนอกและสมรรถนะภายในคือขีดสุดของการประสานกันระหว่างงาน
ศิลปะและเทคโนโลยี โดยมีการปรับโฉมภายนอกใหม่หมด และเพิ่มตัวแรงรุ่นสปอร์ต 400 แรงม้าและรุ่นอาร์ไดนามิคกับขุมพลังเครื่องยนต์ 340 แรงม้า พร้อมระบบอินโฟเทนเม้นท์ระดับเวิลด์คลาส Touch Pro ที่ตอบสนองทุกข้อมูลความบันเทิงได้รวดเร็วซึ่งมีให้ใน F-TYPE ทุกรุ่นอีกด้วย อีกทั้งโดดเด่นด้วยกันชนและไฟหน้าแบบ Full-LED เบาะที่นั่งได้รับการออกแบบพัฒนาใหม่ให้เพรียวบางกว่าเดิมแต่ยังคงความสบายเอาไว้ทำให้น้ำหนักโดยรวมของรถลดลงไปอีกกว่า 8 กิโลกรัม
สำหรับรุ่นพิเศษ 400 SPORT ขุมพลัง 400 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V6 ซุปเปอร์ชาร์จ ความจุ 3 ลิตร ผ่านการพัฒนาปรับปรุงสมรรถนะ ทั้งแชสซีและระบบเบรก มาพร้อมล้ออัลลอยด์ ขนาด 20 นิ้ว สีภายนอกเคลือบด้วยสีเทาซาติน สำหรับออกจำหน่ายทั่วโลก โดยจะเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายปีละรุ่นเท่านั้น
ราคาจำหน่าย จากัวร์ เอฟ-ไทป์ ใหม่ สำหรับ 340 แรงม้า เครื่องยนต์ V6 ความจุ 3.0 ลิตร ราคา 8,999,000 บาท และรุ่นอาร์ไดนามิก คอนเวอร์ติเบิล 340 แรงม้า เครื่องยนต์ V6 ความจุ 3.0 ลิตร ราคา 9,999,000 บาท ส่วนรุ่นพิเศษ สปอร์ต คูเป้ 400 แรงม้า เครื่องยนต์ V6 ความจุ 3.0 ลิตร ราคา 11,999,000 บาท”
นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34 นอกจากการเปิดตัว จากัวร์ เอฟ-ไทป์ ใหม่ ทางจากัวร์มีการจัดกิจกรรม JAGUAR THE ART OF PERFORMANCE TOUR IN THAILAND ให้ทุกท่านร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถยนต์จากัวร์ ด้วยเทคโนโลยี Smart Cone อุปกรณ์พร้อมผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอังกฤษ ที่ท้าทายความสามารถของผู้ขับขี่กับเส้นทางที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยผู้ขับขี่ไม่สามารถคาดเดาได้ในจุดหมายต่อไป ณ ลานกิจกรรม P9 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 2 ถึง 11 ธันวาคม 2560 ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนร่วมกิจกรรมได้ที่ www.jaguar.co.th”
พบกับรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ พร้อมข้อเสนอพิเศษรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ ทุกรุ่น ยกเว้นรุ่นนิว เรนจ์ โรเวอร์ เวลาร์ (New Range Rover Velar) อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน พร้อมแคมเปญ “Worry-Free Program” ให้ความคุ้มค่ากับการรับประกันนาน 5 ปี บริการซ่อมบำรุงฟรี 5 ปี และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอดเวลานาน 5 ปี ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560 อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1 เมืองทองธานี
NEW JAGUAR F-TYPE จากัวร์ เอฟ-ไทป์ ใหม่
เอฟ-ไทป์ คูเป้ 340 แรงม้า เครื่องยนต์ V6 ความจุ 3.0 ลิตร ราคา 8,999,000 บาท
(F-TYPE 340PS 3.0-litre V6 Coupé)
เอฟ-ไทป์ อาร์ไดนามิก คอนเวอร์ติเบิล 340 แรงม้า เครื่องยนต์ V6 ความจุ 3.0 ลิตร ราคา 9,999,000 บาท
(F-TYPE 340PS 3.0-litre V6 R-Dynamic Convertible)
เอฟ-ไทป์ สปอร์ต คูเป้ 400 แรงม้า เครื่องยนต์ V 6 ความจุ 3.0 ลิตร ราคา 11,999,000 บาท
(F-TYPE 400PS 3.0-litre V6 SPORT Coupé)
จากัวร์ เอฟ-ไทป์ ใหม่ (NEW JAGUAR F-TYPE) ขีดสุดของการประสานกันระหว่างงานศิลปะและเทคโนโลยี ปรับโฉมภายนอกใหม่หมด เพิ่มรุ่นสปอร์ต 400 แรงม้าและรุ่นอาร์ไดนามิคกับขุมพลังเครื่องยนต์ 340 แรงม้า พร้อมระบบอินโฟเทนเม้นท์ระดับเวิลด์คลาส Touch Pro ที่ตอบสนองทุกข้อมูลความบันเทิงได้รวดเร็วทันใจ อีกทั้งโดดเด่นด้วยกันชนและไฟหน้าแบบ Full-LED เบาะที่นั่งได้รับการออกแบบพัฒนาใหม่ให้เพรียวบางกว่าเดิมแต่ยังคงความสบายเอาไว้ทำให้น้ำหนักโดยรวมของรถ ลดลงไปอีกกว่า 8 กิโลกรัม
จากัวร์ ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานในประสิทธิภาพและสมรรถนะของรถ โดยรถสปอร์ตในตระกูล F-TYPE ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงโฉมใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมระบบอินโฟเทนเม้นท์ที่ล้ำสมัย ด้วยความสมดุลของการออกแบบรถยนต์ที่ยอดเยี่ยมกับสมรรถนะที่น่าทึ่งและการขับเคลื่อนอันทรงพลัง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะทำให้ F-TYPE มีความแตกต่างจากรถยนต์ประเภทเดียวกันอย่างโดดเด่น รวมถึงรถยนต์ที่มีโครงสร้างแบบคูเป้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นในทุกรุ่นล่าสุดของ F-TYPE ยังมาพร้อมระบบอินโฟร์เทนเม้นท์ Touch Pro ที่ตอบสนองคำสั่งได้อย่างรวดเร็วด้วยรูปแบบการใช้งานง่ายแบบแทบเลตที่คุ้นเคย พร้อมด้วยระบบนำทางอัจฉริยะที่แชร์ข้อมูลออนไลน์แสดงให้เห็นถึงสภาพการจราจร ณ เวลา ปัจจุบันขณะขับขี่ รวมถึงรายงานสภาพอากาศในเวลานั้นเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมทุกปัจจัยภายนอกตลอดการเดินทางได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส รางวัลจากการออกแบบที่ F-TYPE ได้รับไม่ได้แสดงให้เห็นถึงรูปลักษณ์ที่สะดุดตาเท่านั้น หากแต่ความโดดเด่นของไฟหน้าแบบ Full LED และกันชนด้านหน้า ยังช่วยเพิ่มทัศนวิสัย ความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่อีกด้วย
Mr. Ian Callum ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบจากัวร์ กล่าวว่า การออกแบบรถสปอร์ตที่ยอดเยี่ยมต้องคำนึงถึงสัดส่วนของตัวรถยนต์และสมรรถนะอันแท้จริง ขั้นตอนการออกแบบที่ท้าทายที่สุดของวิศวกร คือ การรักษาสมรรถนะอันสุดยอดของรถยนต์ไว้อย่างครบถ้วนภายใต้รูปลักษณ์ที่สวยงามสะดุดตา สำหรับ F-TYPE โฉมใหม่ล่าสุด ปี 2018 เรามุ่งมั่นที่จะออกแบบให้ทุกๆ รายละเอียดมีความชัดเจนยิ่งขึ้นทั้งโครงสร้างภายนอกและสมรรถนะภายใน สำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารในทุกมุมมอง
เพื่อเป็นการเปิดตัวโฉมใหม่ในตระกูล F-TYPE จากัวร์ ได้พัฒนาโมเดลพิเศษ 400 SPORT ขุมพลัง 400 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V6 ซุปเปอร์ชาร์จ ความจุ 3ลิตร ผ่านการพัฒนาปรับปรุงสมรรถนะ ทั้งแชสซีและระบบเบรก มาพร้อมล้ออัลลอยด์ ขนาด 20 นิ้ว สีภายนอกเคลือบด้วยสีเทาซาติน สำหรับออกจำหนายทั่วโลก โดยจะเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายปีละรุ่นเท่านั้น แถบตัวเลขสีเหลืองที่แสดงถึงขุมพลัง 400 แรงม้า ภายใต้ฝากระโปรงหน้าตัดกันกับสีเทาซาตินของตัวรถ ถูกติดไว้ทั้งด้านท้ายและตรงชิ้นส่วนที่แยกออกมาจากกันชนหน้า (Splitter) รวมทั้งใช้สีเหลืองแบบเดียวกันเย็บเส้นตัดขอบชิ้นส่วนและอุปกรณ์ภายในห้องโดยสาร ตัวอักษรแสดงชื่อรุ่น SPORT 400 ถูกปักติดไว้บริเวณคอนโซล กลางพวงมาลัย แผ่นยางปูพื้นและพนักพิงศีรษะ ทั้งนี้ลูกค้าสามารถเลือกสีในการการตกแต่งภายในได้ คือ สีเงิน สีดำ และ สีขาวเมทัลลิค
สำหรับ R-Dynamic นับเป็นรุ่นหลักของ F-TYPE ด้วยขุมพลัง 340 แรงม้า รูปลักษณ์ภายนอกโฉบเฉี่ยว ด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 19 และ 20 นิ้ว ดูดุดันด้วยสีดำมันวาวที่เคลือบทับในทุกชิ้นส่วน ทั้งกันชนหน้าชิ้นส่วนที่แยกจากกันชน ฝากระโปรงหน้า จนถึงดิฟฟิวเซอร์หลัง นอกจากนี้ใน F-TYPE แต่ละรุ่นยังเพียบพร้อมไปด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ อาทิ ระบบช่วยจอดกึ่งอัตโนมัติซึ่งถูกออกแบบพัฒนาเพื่อช่วยให้การจอดรถในที่แคบสามารถทำได้รวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น ระบบเซนเซอร์อุลตราโซนิกจะคำนวณวัดความยาวของพื้นที่จอดที่เหมาะสมและประคองพวงมาลัยโดยอัตโนมัติ ผู้ขับขี่เพียงแค่กดปุ่มเริ่มต้นระบบช่วยจอด พร้อมควบคุมการถอยหลังและเบรคเท่านั้น ระบบช่วยจอดนี้ยังช่วยกำหนดทิศทางเมื่อเวลาจะเคลื่อนรถออกจากที่จอดอีกด้วย
หลักสำคัญของการออกแบบ F-TYPE รุ่นล่าสุดปี 2018 คือ เน้นสมรรถนะและรูปลักษณ์ภายนอกรวมถึงเทคโนโลยีขั้นสูงให้ชัดเจนยิ่งขึ้น การออกแบบภายในที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยเบาะที่นั่งเพรียวบางกว่าเดิม เพิ่มความสะดวกสบายและพื้นที่ใช้สอยมากยิ่งขึ้นตลอดจนการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง ทำให้สวยงามเร้าใจยิ่งขึ้น ทั้งนี้ F-TYPE 2018 ยังคงเอกลักษณ์ของรถสปอร์ตพันธุ์แท้ไว้อย่างชัดเจนด้วยกระจังหน้ารูปทรงกราฟิค วิศวกรผู้ออกแบบยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับกันชนเพื่อเน้นภาพลักษณ์ของรถสปอร์ตให้เด่นชัดจากหน้าจรดท้าย
การพัฒนาในการออกแบบของ F-TYPE ไม่ได้คำนึงถึงแค่ฟังก์ชั่นการใช้งาน ความสวยงามและสมรรถนะของรถเท่านั้นแต่ยังคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งานอีกด้วย หลอดไฟ LED มีความสว่างโทนสีและอุณหภูมิอยู่ที่ 5,500-6,000K ใกล้เคียงแสงสว่างจากธรรมชาติในเวลากลางวัน ด้วยคุณภาพที่เพิ่มมากขึ้นของแสงสว่างจากไฟหน้าจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ที่ยาวนานและช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการขับมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ระบบการเซนเซอร์ปรับแสงไฟหน้าอัตโนมัติ ทำให้ ไฟหน้า LED ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการขับขี่ในสภาวะแวดล้อมที่แตกต่างถึง 4 รูปแบบด้วยกัน คือ ถนนในเมือง ชนบท มอเตอร์เวย์ และสภาพอากาศที่เลวร้าย ส่วนแผงไฟด้านท้ายได้รับการพัฒนาปรับปรุงเช่นเดียวกัน หลอดไฟเรียงตัวกันในแนวนอนตัดกึ่งกลางด้วยไฟวงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ของ จากัวร์ E-TYPE แต่เลนส์ครอบมีสีเข้มกว่าเพื่อให้สอดคล้องกับการออกแบบโทนเข้มขรึมของตัวรถ
การออกแบบภายใน F-TYPE 2018 เน้นความโปร่งโล่งสะดวกสบายและหรูหรา ยิ่งขึ้น โดยยังคงความสง่างามสไตล์รถสปอร์ตเอาไว้อย่างครบถ้วน โดยวิศวกรผู้ออกแบบของจากัวร์ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุที่เสริมความสวยงามสะดุดตาและกลมกลืนไปในทิศทางเดียวกันทั้งห้องโดยสาร รวมทั้งสมดุลของความหรูหราและประสิทธิภาพในฟังก์ชั่นการใช้งานของอุปกรณ์ต่างๆได้อย่างยอดเยี่ยม สิ่งหนึ่งที่แสดงถึงการพัฒนาปรับปรุงอย่างเด่นชัดในรุ่นนี้ คือ เบาะที่นั่ง เพรียวบางลงแต่ยังคงความเหมาะสมและสะดวกสบายในการใช้งานไว้อย่างดีเยี่ยม รูปทรงที่สวยงามเพรียวบางของเบาะที่นั่ง ช่วยเสริมภาพลักษณ์เทคโนโลยีการออกแบบระดับสูง ของ F-TYPE ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ความพิเศษของเบาะที่นั่งซึ่งเป็นนวัตกรรมการออกแบบเฉพาะของจากัวร์ คือ โครงของเบาะที่นั่งถูกสร้างขึ้นจากโลหะผสมแมกนีเซียมหล่อขึ้นรูปซึ่งเป็นวัสดุที่ทนทานแข็งแรงมีอัตราส่วนความแข็งแกร่งต่อน้ำหนักที่ยอดเยี่ยม แต่มีน้ำหนักเบาทำให้น้ำหนักรวมของตัวรถลดลงไปมากกว่า 8 กิโลกรัม โครงสร้างของเบาะยังรองรับสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้อย่างเหมาะสม ทั้งด้านหลัง ด้านข้างและส่วนรองรับศีรษะ ช่วยเพิ่มความรู้สึกของความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคนขับรถกับรถเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น นอกจากนั้น เบาะที่นั่งสามารถปรับเลื่อนไปด้านหลังได้มากกว่าเดิม ถึง 50 มม.และสามารถปรับให้ต่ำลงเพื่อเพิ่มพื้นที่วางขาได้ด้วย
ทีมวิศวกรออกแบบของจากัวร์ พิถีพิถันในการออกแบบภายในรถยนต์โดยมุ่งมั่นให้ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น F-TYPE แบบดั้งเดิมเอาไว้ ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์และเปลี่ยนเกียร์ในทุกรุ่นจะเคลือบซาตินโครเมียมเงางามคุณภาพสูง ตลอดจนที่จับประตู ช่องระบายอากาศภายในและพวงมาลัย ให้ความรู้สึกหรูหราเหมือนอัญมณี
F-TYPE 400 SPORT เปิดตัวกับความแรงที่โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ V6 ซุปเปอร์ชาร์จ ที่ถูกปรับขึ้นจาก 380 แรงม้า สู่ 400 แรงม้า หนึ่งรุ่นต่อปีเท่านั้น การออกแบบสไตล์รถสปอร์ตถูกขับเน้นให้เด่นชัดด้วยความขรึมดุดันสีเทาเข้มของชิ้นส่วนที่แยกออกมาจากกันชนหน้า (Splitter) กาบบันไดข้าง/หลัง จนถึงดิฟฟิวเซอร์ แถบป้ายตัวเลขสีเหลืองอันโดดเด่นแสดงตัวตนของ 400 SPORT ตัดกันกับสีเทาซาตินของตัวรถจะถูกติดตั้งอยู่ทั้งด้านหน้าและหลังรวมทั้งใต้ฝากระโปรงรถ ทั้งนี้ลูกค้าสามารถเลือกสีภายนอกตัวรถ ได้ดังนี้ สีเงิน (Indus Silver) สีดำ (Santorini Black) และ ขาว (Yulong White)
นอกเหนือจากขุมพลังที่เพิ่มขึ้นแล้ว F-TYPE 400 SPORT ยังเพิ่มสมรรถนะของระบบเบรก ด้วยดิสก์เบรกหน้า 380 มม.และดิสก์เบรกหลัง 376 มม. คาลิปเปอร์เบรกสีดำพร้อมโลโก้ 400 SPORT ล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว เคลือบทับด้วยสีเทาซาติน และการขับเคลื่อนแบบปรับตั้งค่าได้ ที่ผู้ขับขี่สามารถกำหนดค่าได้ทั้งระบบเกียร์ พวงมาลัย และแดมเปอร์ การออกแบบภายในห้องโดยสารเป็นอีกส่วนที่ทีมวิศวกรออกแบบให้ความสำคัญในรายละเอียดด้วยการใช้เส้นสายสีเหลืองเป็นองค์ประกอบเย็บตัดขอบหนังภายใน เบาะที่นั่งถูกออกแบบให้เพรียวบางสามารถปรับได้ถึง 12 รูปแบบ โลโก้ 400 SPORT อยู่บนที่พักศีรษะของเบาะที่นั่งและด้านล่างของก้านพวงมาลัย เข้มขรึมด้วยแผงคอนโซลกลางสีดำตัดกรอบอลูมิเนียมกลมกลืนไปกับการออกแบบที่โดดเด่นดึงดูดสายตาของแป้นเปลี่ยนเกียร์เคลือบผิวด้วยอะลูมิเนียม
ข้อมูลทางด้านเทคนิค
เครื่องยนต์และระบบเกียร์ | F-TYPE 340PS Coupé/F-TYPE 340PS Convertible |
ขนาดความจุเครื่องยนต์ (ซีซี) | 2,995 |
กระบอกสูบ | V6 Supercharged |
จำนวนวาล์ว/กระบอกสูบ | 4; DOHC |
อัตราส่วนความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) | 84.5/ 89.0 |
อัตราส่วนกำลังอัดเครื่องยนต์ | 10.5:1 |
ระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง | 150bar แบบหัวฉีดตรง (direct injection) |
กำลังแรงม้า | 340 (250) @ 6,500 รอบ/นาที (rpm) |
แรงบิด นิวตันเมตร (ปอนด์/ฟุต) | 450 (332) @ 3,500-5,000rpm |
ระบบเกียร์ | เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ(Quick shift), [เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ] |
อัตราทดเกียร์ 1 | 4.714 [4.110] |
อัตราทดเกียร์ 2 | 3.143 [2.315] |
อัตราทดเกียร์ 3 | 2.106 [1.542] |
อัตราทดเกียร์ 4 | 1.667 [1.178] |
อัตราทดเกียร์ 5 | 1.285 [1.000] |
อัตราทดเกียร์ 6 | 1.000 [0.846] |
อัตราทดเกียร์ 7 | 0.839 [-] |
อัตราทดเกียร์ 8 | 0.667 [-] |
เกียร์ถอยหลัง | 3.317 [3.727] |
อัตราทดเฟืองท้าย | 3.15 [3.31] |
โครงสร้างแชสซี | |
ระบบกันสะเทือนหน้า | อิสระแบบปีกนกคู่ |
ระบบกันสะเทือนหลัง | อิสระแบบปีกนกคู่ |
ชุดเบรกหน้า | คาลิปเปอร์ลอยแบบลูกสูบเดี่ยว; 355มม. ดิสก์เบรกมีครีบระบายความร้อน (ventilated discs) |
ชุดเบรกหลัง | คาลิปเปอร์ลอยแบบลูกสูบเดี่ยว; 325มม. ดิสก์เบรกมีครีบระบายความร้อน (ventilated discs) |
ระบบพวงมาลัย | พาวเวอร์เวอร์ไฟฟ้าแบบเฟืองสะพาน (Rack-and-pinion) |
ขนาดและมิติ | |
ยาว (มม.) | 4,482 |
กว้าง/ไม่รวมกระจกข้าง(มม.) | 2,042/ 1,923 |
สูง(มม.) | 1,311 / 1,308 (Convertible) |
ฐานล้อ (มม.) | 2,622 |
ช่วงล้อหน้า/ หลัง (มม.) | 1,597/ 1,649 |
น้ำหนัก (กก.) | 1,577 [1,567] / 1,597 [1,587] (Convertible) |
ความจุช่องเก็บสัมภาระ(ลิตร) | 310/ 408 รวม/ไม่รวมชั้นแยกของ / 207 (Convertible) |
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง(ลิตร) | 70 |
สมรรถนะและประสิทธิภาพการใช้พลังงานเชื้อเพลิง | |
อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ภายใน(วินาที) |
5.1 [5.5] |
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน(วินาที) |
5.3 [5.7] |
ความเร็วสูงสุดไมล์/ชม.(กม./ชม) | 161 (260) |
อัตราเผาผลาญพลังงานเชื้อเพลิง (ลิตร/100กม.) |
33.6 (8.4) [28.8 (9.8)] |
อัตราปล่อยก๊าซCO2 (กรัม/กม.) | 199 [234] |
*ข้อมูลจากผู้ผลิต ณ ปัจจุบัน ตัวเลขในวงเล็บอ้างอิงจากรุ่นเกียร์ธรรมดา
ข้อมูลทางด้านเทคนิค
เครื่องยนต์และระบบเกียร์ | F-TYPE 400PS AWD Coupé |
ขนาดความจุเครื่องยนต์ (ซีซี) | 2,995 |
กระบอกสูบ | V6 Supercharged |
จำนวนวาล์ว/กระบอกสูบ | 4; DOHC |
อัตราส่วนความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) | 84.5/ 89.0 |
อัตราส่วนกำลังอัดเครื่องยนต์ | 10.5:1 |
ระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง | 150bar แบบหัวฉีดตรง (direct injection) |
กำลังแรงม้า | 400 (294) @ 6,500 รอบ/นาที |
แรงบิด นิวตันเมตร (ปอนด์/ฟุต) | 460 (339) @ 3,500-5,500 รอบ/นาที |
ระบบเกียร์ | อัตโนมัติ 8 จังหวะ |
อัตราทดเกียร์ 1 | 4.714 |
อัตราทดเกียร์ 2 | 3.143 |
อัตราทดเกียร์ 3 | 2.106 |
อัตราทดเกียร์ 4 | 1.667 |
อัตราทดเกียร์ 5 | 1.285 |
อัตราทดเกียร์ 6 | 1.000 |
อัตราทดเกียร์ 7 | 0.839 |
อัตราทดเกียร์ 8 | 0.667 |
เกียร์ถอยหลัง | 3.317 |
อัตราทดเฟืองท้าย | 3.31 |
โครงสร้างแชสซี | |
ระบบกันสะเทือนหน้า | อิสระแบบปีกนกคู่ |
ระบบกันสะเทือนหลัง | อิสระแบบปีกนกคู่ |
ชุดเบรกหน้า | คาลิปเปอร์ลอยแบบลูกสูบเดี่ยว; 380มม. ดิสก์เบรกมีครีบระบายความร้อน (ventilated discs) |
ชุดเบรกหลัง | คาลิปเปอร์ลอยแบบลูกสูบเดี่ยว; 376มม. ดิสก์เบรกมีครีบระบายความร้อน (ventilated discs) |
ระบบพวงมาลัย | พาวเวอร์เวอร์ไฟฟ้าแบบเฟืองสะพาน (Rack-and-pinion) |
ขนาดและมิติ | |
ยาว (มม.) | 4,482 |
กว้าง/ไม่รวมกระจกข้าง(มม.) | 2,042/ 1,923 |
สูง(มม.) | 1,311 |
ฐานล้อ (มม.) | 2,622 |
ช่วงล้อหน้า/ หลัง (มม.) | 1,585/ 1,627 |
น้ำหนัก (กก.) | 1,674 |
ความจุช่องเก็บสัมภาระ(ลิตร) | 310/ 408 รวม/ไม่รวมชั้นแยกของ |
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง(ลิตร) | 70 |
สมรรถนะและประสิทธิภาพการใช้พลังงานเชื้อเพลิง | |
อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ภายใน(วินาที) |
4.9 |
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน(วินาที) |
5.1 |
ความเร็วสูงสุดไมล์/ชม.(กม./ชม) | 171 (275) |
อัตราเผาผลาญพลังงานเชื้อเพลิง (ลิตร/100กม.) |
31.7 (8.9) |
อัตราปล่อยก๊าซCO2 (กรัม/กม.) | 211 |
*ข้อมูลจากผู้ผลิต ณ ปัจจุบัน